วันอังคารที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2560



“ กล้วย” ผลไม้ต้องห้าม สำหรับผู้ป่วย ไตเสื่อม





กล้วย เป็นผลไม้ ที่มี ปริมาณโพแทสเซียมสูงแล้ว ยังอาจมีโซเดียมและน้ำตาล ที่อาจส่งผลเสียต่อระบบการทำงานของไตและระบบภายในร่างกายอื่น ๆ

ได้ด้วยนะคะ ดังนั้นถ้ามีภาวะไตทำงานผิดปกติ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน กล้วย จะดีกว่านะคะ

**เพราะเราอยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี**

สารอาหารดีๆ ฟื้นฟูเซลล์ได้ดี รวดเร็ว ด้วยคุณสมบัติเจล ดูดซึมดี สารอาหารครบถ้วน และแม่นยำ

ศึกษาผลิตภัณฑ์/ติดตามเรื่องราว
www.hrtexo.com/umikidney

สั่งซื้อ | ปรึกษา จากผู้เชี่ยวชาญ : คุณอ้อม สารินี
Line : @gelhappylife
Tel. 063-9695497


คลิ๊กที่ลิงค์เพื่อแอดไลน์อัตโนมัติรับข้อมูลสุขภาพดีๆได้เลยค่ะ line://ti/p/@gelhappylife



วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2560


เจาะลึก เบาหวานโรคแทรกซ้อนของคนเป็นไต


โรคเบาหวาน ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือด ซึ่งได้จากสารอาหารไปใช้ได้ตามปกติ FSB สูงกว่า 115 mg/dl ภาวะนี้จะทำให้เกิด · น้ำตาลในเลือดสูง อินซูลินในเลือดสูงด้วย · ทำให้เกิดอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น, การทำงานของผนังเซลล์เสียไป, DHEA ถูกรบกวน · สภาพอวัยวะทั่วไปเสื่อมเร็วกว่าปกติ · ทำให้แก่เร็ว, ความดันโลหิตสูง, ไขมันต่างๆ ผิดปกติ, อ้วน, กลูโคสต่างๆ ผิดปกติ, กระดูกพรุน, เนื้องอก, มะเร็งเติบโตได้ดี ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังของเบาหวาน 

1. การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่หลอดเลือดขนาดเล็ก (Microvascular) เช่น ภาวะไตวาย ภาวะจอรับภาพเปลี่ยนแปลง (Rentinopathy) ภาวะเส้นประสาทอักเสบชนิดที่เกิดขึ้นที่เส้นประสาทเดี่ยว (Mononeuropathy) 

2. การเปลี่ยนแปลงเกิดที่หลอดเลือดขนาดใหญ่ (Macrovascular) เช่น หลอดเลือดใหญ่แข็งตัว และกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 

3. การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การเกิดต้อกระจก การเกิดเส้นประสาทเสื่อมชนิดที่เกิดในเส้นประสาทหลายเส้น (Polyneuropathy) 

อะไรทำให้เป็นเบาหวาน 
1. สารเคมี - ตัวขัดขาวในแป้ง (Alloxan) เช่น ข้าวขัดขาว, ก๋วยเตี๋ยว, ขนมจีน ฯลฯ ซึ่งจะเป็นตัวทำลายตับอ่อนโดยตรง - มีอยู่ในแป้งข้าวสาลี
2. Steroid มีผลในการทำลายกระดูก ทำลายไต และทำให้เป็นเบาหวาน 
3. น้ำมันทั้งหลายขาด Lipase 

4. เครียด ธัยรอยด์ต่ำ 


5. กินอาหารขยะ ขาดสารอาหารในการซ่อมแซมร่างกาย (อาหารขยะ - อาหารที่ได้รับการแปรสภาพจนไม่เหลือสภาพเดิม, ทำในปริมาณมาก และ สารอาหารที่เหลืออยู่น้อย) 



6. Artificial Sweetener สารให้ความหวาน น้ำตาลเทียม จะเป็นการหลอกตับอ่อนให้สร้างอินซูลิน 



การรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน 4 วิธี 

1. การควบคุมอาหาร 

2. การให้ยาทาน 

3. อินซูลินฉีด 

4. การออกกำลังกาย 

อาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน แบ่งเป็น 3 ประเภท 

1. ห้ามรับประทาน : อาหารน้ำตาล, ขนมหวาน, น้ำหวาน, ผลไม้หวาน, น้ำผลไม้ (ยกเว้นน้ำมะเขือเทศ มีน้ำตาล 1%) 
น้ำตาลเทียม 4 ชนิด 
1.1 แอสปาเทม - เป็นโปรตีน 
1.2 เอสซัลเฟมเค 
1.3 แซคคารีน (ขรรณทศกรณ์) มีความหวาน 300-400 เท่าของน้ำตาลทราย สามารถทำให้เป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 
1.4 ฟรุคโตส, ซอร์บิทอล, แมนนิทอล, ไซลิทอล เป็นน้ำตาลจากผลไม้ อันตรายเท่า น้ำตาลทราย



2. รับประทานได้ไม่จำกัดจำนวน ผักทุกชนิด (ประมาณ 3-4 จานรองถ้วยกาแฟ/วัน)




3. รับประทานได้แต่ต้องเลือกชนิด : พวกคาร์โบไฮเดรต โดยคำนึงถึงปัจจัย 2 อย่าง คือ 
3.1 ไฟเบอร์



3.2 ไกลซีมิคอินเด็กซ์ - ข้าวเจ้า, น้ำตาลกลูโคส อาหารที่มีปริมาณไฟเบอร์ในอาหารสูง (มากกว่า 3 กรัม/อาหาร 100 กรัม) แอปเปิ้ลเขียว, ฝรั่ง, ข้าวโพดอ่อน, ถั่วเขียว, แครอท, ถั่วแระ, อาหารซีรีล ชนิดแบรน, ถั่วฝักยาว , เม็ดแมงลัก ค่าไกลซีมิคอินเดกซ์ของผลไม้ไทย (ใช้น้ำตาลกลูโคสเป็นอาหารมาตรฐาน) ทุเรียน 62.4 องุ่น 53.1 สัปปะรด 62.4 มะม่วง 47.5 ลำไย 57.2 มะละกอ 40.6 ส้ม 55.6 กล้วย 38.6




ค่าไกลซีมิคอินเดกซ์ คือ การเปรียบเทียบความสามารถในการดูดซึมของ ทุเรียน, สัปปะรด ฯลฯ เมื่อเทียบกับน้ำตาลกลูโคส แสดงให้เห็นคร่าวๆ ว่า ทุเรียนมีน้ำตาล 62.4% สัปปะรดมีน้ำตาล 62.4% โดยประมาณ เพราะฉะนั้นใครกินผลไม้เยอะก็เหมือนกินน้ำตาลทรายแหละครับ 

โรคเบาหวานที่เกิดขึ้นกับชาวอเมริกันมากกว่า 1 ล้านคน มีอยู่ 2 ชนิด 

ชนิดที่ 1 เป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันเล่นงานตนเองชนิดที่รักษาไม่ได้ (incurable autoimmune disorder) ไปทำลายเซลที่ผลิตอินซูลินในตับอ่อน ดังนั้น การฉีดอินซูลินจึงจำเป็นเพื่อให้ผู้ป่วยด้วยเบาหวานชนิดที่ 1 มีชีวิตอยู่รอดได้ 

ชนิดที่ 2 เป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ โรคเบาหวานชนิดนี้เป็นความสามารถของร่างกายในการนำคาร์โบไฮเดรตไปใช้ (metabolize) ไม่ได้ถูกทำลายไปทั้งหมด แต่มีความบกพร่องอย่างรุนแรง ซึ่งมักเกิดหลังจากรับประทานอาหารที่ขาดสมดุลเป็นระยะเวลานาน และ/หรือ มีวิถีชีวิตที่อยู่เฉยๆ ไม่ออกกำลังกาย โดยตับอ่อนอาจผลิตอินซูลินได้เพียงพอ หรือบางทีก็มากเกินไป แต่ร่างกายไม่สามารถนำไปใช้ในการเมตาโบไลซ์น้ำตาลได้อย่างถูกต้อง 

ปัจจุบันผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 นี้ มีมากขึ้นในผู้ใหญ่วัยต้นๆ หรือแม้แต่เกิดขึ้นในเด็กก็มี ทั้งนี้เนื่องจากโภชนาการและการดำเนินวิถีชีวิตที่ไม่ดี 

การป้องกันเบาหวาน 4 ประการ 
1. ให้ร่างกายได้รับไฟเบอร์อย่างเพียงพอ เนื่องจากไฟเบอร์บางชนิดช่วยทำให้การดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดช้าลง หรือ ช่วยทำให้ "glycemic effect" หรือผลที่เกิดจากน้ำตาลในอาหารเข้าสู่กระแสเลือดได้ช้าลง 

2. รับประทานไขมันชนิดที่ถูกต้อง ไขมันไม่อิ่มตัวชนิดโมโนอันแซ็ทรูเรเต็ด เช่น น้ำมันมะกอก ช่วยทำให้ผลของอินซูลินในร่างกายดีขึ้น 

3. ควบคุมน้ำหนักตัว รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับที่แข็งแรง อาหารที่มีสัดส่วนของโปรตีนเมื่อเทียบกับคาร์โบไฮเดรตสูงขึ้น จะช่วยลดไขมันในร่างกายได้ดีกว่า และคาร์โบไฮเดรตที่รับประทานควรเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ทั้งผักและธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีมากกว่าที่จะเป็นคาร์โบไฮเดรตในรูปง่าย (ขนมปัง, ของหวาน เป็นต้น) และการรับประทานผลไม้และน้ำผลไม้มากๆ ก็มีผลทางด้านลบต่ออัตราส่วนของคาร์โบไฮเดรตในร่างกายผู้ป่วยเช่นกัน 

4. การออกกำลังกาย การออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น การเดินเร็วๆ สัปดาห์ละ 4 ครั้ง จะช่วยให้อินซูลินทำงานได้ดีขึ้น การออกกำลังกายประเภทยกน้ำหนักจะช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นผลดีเช่นกัน เพราะกล้ามเนื้อจะสามารถนำกลูโคสไปใช้ได้โดยไม่ต้องใช้อินซูลิน ดังนั้น ยิ่งมีกล้ามเนื้อมากก็จะยิ่งนำน้ำตาลออกไปจากกระแสเลือดได้โดยไม่ต้องพึ่งการทำงานของตับอ่อนมากขึ้นเท่านั้น



ด้วยความห่วงใจจากเราคะ

ไตเสื่อม ฟื้นฟูไต บำรุงได้

#umiบำรุงไต #เพิ่มภูมิต้านทาน #สุขภาพดี
ทางเลือกผู้ป่วยไต บำรุง ฟื้นฟูไต ปลอดภัย 
ไม่มีผลข้างเคียง คลิ๊กเลย http://www.hrtexo.com/umikidney

คลิ๊กที่ลิงค์เพื่อแอดไลน์อัตโนมัติรับข้อมูลสุขภาพดีๆได้เลยค่ะ line://ti/p/@gelhappylife

วันพฤหัสบดีที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เกลือแร่ที่ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง 

และ โรคหัวใจ ต้องรู้จัก 

อาหารต้องห้าม สำหรับผู้ป่วยโรคไต และ โรคหัวใจ

โพแทสเซียม
คือ เกลือแร่ที่มีอยู่ในเลือดชนิดหนึ่ง มีหน้าที่เกี่ยวกับการหดตัว และคลายตัวของกล้ามเนื้อ และหัวใจ
การมีโพแทสเซียมในเลือดสูงมากเกินไป อาจทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ และทำให้หัวใจหยุดเต้นได้

ความต้องการขึ้นอยู่กับระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงเกิน 5 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ควรจำกัดหรืองดอาหารที่มี โพแทสเซียมสูง

โพแทสเซียมมีมากในอาหารหมวดผัก และผลไม้ซึ่งมีกากใยช่วยในการระบาย ดังนั้น ผู้ป่วยจึงควรงดในหมวดนี้ และเลี่ยงไปรับประทานอาหารในกลุ่มที่มี โพแทสเซียมต่ำ ถึงปานกลาง


ผักที่มีโพแทสเซียมสูง
ผักใบเขียว และ สีส้ม เช่น คะน้า กวางตุ้ง แครอท ฟักทอง ผักโขม มะเขือเทศ บล๊อคโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง
ใบกุ่ยช่าย ฯลฯ








ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง
เช่น ฝรั่ง มะละกอสุก แคนตาลูป ลำใย ทุเรียน กล้วย กระท้อน ลูกเกด ลูกพรุน มะขามหวาน แก้วมังกร น้ำส้มคั้น น้ำมะพร้าว มะม่วงสุก ฯลฯ







ผักที่มีโพแทสเซียมปานกลาง
ผักกาดขาว มะเขือยาว หัวไชเท้า กระหล่ำปลี




ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมปานกลาง
ส้มเขียวหวาน มะม่วงดิบ สัปปะรด ส้มโอ แอปเปิ้ล




✪ ผักที่มีโพแทสเซียมต่ำ
ที่สามารถเลือกรับประทานได้ควร ลวก หรือต้มผักให้สุก เช่น ฟักเขียวสุก บวบ 
ถั่วงอกสุก




✪ ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมต่ำลองกอง ชมพู่ เงาะ องุ่น มังคุด แตงโม ฯลฯ





ด้วยความห่วงใจจากเราคะ

ไตเสื่อม ฟื้นฟูไต บำรุงได้

#umiบำรุงไต #เพิ่มภูมิต้านทาน #สุขภาพดี

ทางเลือกผู้ป่วยไต บำรุง ฟื้นฟูไต ปลอดภัย 
ไม่มีผลข้างเคียง คลิ๊กเลย http://www.hrtexo.com/umikidney

คลิ๊กที่ลิงค์เพื่อแอดไลน์อัตโนมัติรับข้อมูลสุขภาพดีๆได้เลยค่ะ line://ti/p/@gelhappylife

วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ความรู้เกี่ยวกับโรคไต


ความรู้เกี่ยวกับโรคไต

โรคไต อายุมากขึ้น ไตเริ่มเสื่อมตาม....

➽ กินยาเยอะ
ดื่มน้ำน้อย เลือดหนืดไตหนัก
ทานอาหารรสจัด ( #ความดัน )
รสหวาน ( #เบาหวาน )
อาหารมัน ( #ไขมันในเลือด )
ดื่มแอลกฮอล์ล เป็นประจำ ( #เก๊าต์ )


พฤติกรรมเสี่ยง โดยปฎิบัติติดต่อกัน มาเป็นเวลานานนนนนนน







"โรคไตวาย" เกิดจากไต  ไม่สามารถ ขับน้ำเกลือแร่และของเสียออกจากร่างกายได้ ทำให้..ร่างกายเสียสมดุล การก่อตัวของโรคมักเป็นไปอย่างช้าๆ โดยมี โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง รวมถึง โรคเก๊าท์ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคไตวายเป็นส่วนใหญ่

สาเหตุของโรคไต
โรคไตเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
โรคเบาหวาน
โรคความดันโลหิตสูง
การอักเสบจากการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ
นิ่วของระบบทางเดินปัสสาวะ
โรคต่อมลูกหมาก
เนื้องอกของทางเดินปัสสาวะ
การอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะชนิดไม่ติดเชื้อแบคทีเรีย
โรคถุงน้ำในไต
โรคไตอักเสบกลุ่มอาการอัลพอร์ต
เนื้องอกที่ไต
โรคภูมิแพ้เซลล์ตนเองหรือโรคเอสแอลอี
การได้รับยาและสารเคมีซึ่งเป็นพิษต่อไต
การบาดเจ็บที่ไต
การได้รับสารพิษจากงูและแมลงมีพิษ
การเป็นโรคไขข้อชนิดที่เรียกว่า เกาต์

ข้อสังเกต
บื้องต้นเมื่อไตเสื่อม

1. หนังตา ใบหน้า เท้า ขา และลำตัวบวม

2. ซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง ไม่กระฉับกระเฉง

3. ปัสสาวะผิดปกติ เช่น ขุ่น เป็นฟอง เป็นเลือด สีชาแก่/น้ำล้างเนื้อ 

4. ท้องอืด ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน

5. การถ่ายปัสสาวะผิดปกติ เช่น บ่อย แสบ ขัด ปริมาณน้อย 

6. เบื่ออาหาร การรับรสอาหารเปลี่ยนไป

7. ปวดหลัง คลำได้ก้อน บริเวณไต 

8. ปวดศีรษะ นอนหลับไม่สนิท

9. ความดันโลหิตสูง


เรื่องที่ คนปกติ ควรรู้
ตามปกติเมื่อคนเรา อายุ 30 ปี ขึ้นไป ไตจะเสื่อมตามธรรมชาติ ร้อยละ 1 ต่อปี แต่ การที่ไตเสื่อมอย่างรวดเร็วหรือหยุดการทำงานทันที เราเรียกว่า "โรคไตวายเฉียบพลัน "ซึ่งอาจจะกลับเป็นปกติได้
ถ้าได้การรักษาที่เหมาะสม !!!
ถ้าไตเสื่อมลงอย่างช้า ๆ และต่อเนื่อง จะทำให้ไตเกิดความผิดปกติอย่างถาวร เรียกว่า "โรคไตเรื้อรัง "

หน่วยกรองไต เมื่อพังแล้ว กลับคืนสภาวะปกติ ไม่ได้ อีกต่อไป

การตรวจเลือด วัดค่าไต
ครีเอตินิน (Creatinine)
ตัวย่อ Cr ไม่เกิน 1.5
Glomerular filtration rate หรือ GFR
มากกว่า 90 ยิ่งสูงยิ่งดี
Blood Urea Nitrogen หรือที่เรียกว่า BUN เป็นการวัดปริมาณไนโตรเจนในกระแสเลือด
10 - 20 mg / dl (ถ้าน้อยอาจมีปัญหาที่ตับ)

อายุมากขึ้น ควรตรวจไว้บ้างนะคะ


ด้วยความห่วงใจจากเราคะ

ไตเสื่อม ฟื้นฟูไต บำรุงได้

#umiบำรุงไต #เพิ่มภูมิต้านทาน #สุขภาพดี
ทางเลือกผู้ป่วยไต บำรุง ฟื้นฟูไต ปลอดภัย 
ไม่มีผลข้างเคียง คลิ๊กเลย http://www.hrtexo.com/umikidney

คลิ๊กที่ลิงค์เพื่อแอดไลน์อัตโนมัติรับข้อมูลสุขภาพดีๆได้เลยค่ะ line://ti/p/@gelhappylife

"โพแทสเซียม" คนเป็นโรคไต ต้องรู้

Potassium โพแทสเซียม คนเป็นโรคไตต้องรู้

ผู้ฟอกไต/ที่แพทย์ระบุว่าไตวายเรื้อรังควรปฏิบัติดูแลเข้มงวด

เนื่องจาก โพแทสเซียมถูกขับออกทางไต ไตเสื่อมทำให้เกิดการคั่งของโพแทสเซียม ผู้ป่วยไตวายมักจะมีการคั่งของ โพแทสเซียม ถ้าระดับโพแทสเซียมสูงมากอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้





🍎🍎หากต้องการรับประทานผลไม้ควรรับประทานก่อนการฟอกเลือด🍎🍎

ผักที่มีโพแทสเซียม 
สูงควรงด ได้แก่ หัวปลี ผักชี ต้นกระเทียม
ผักที่มีโพแทสเซียมที่มีมากได้แก่ บร๊อคโคลี่ แครอท มันเทศ ผักบุ้ง เห็ดฟาง มะเขือพวง มะเขือเปราะ ใบแมงลัก โหระพา หน่อไม้ฝรั่ง หอมแดง ผักปวยเล้ง มันฝรั่ง มะเขือเทศ ดอกกระหล่ำ ถั่วต่างๆ เม็ดทานตะวัน กาแฟ น้ำนม
ผักที่มีโพแทสเซียม ปานกลาง ได้แก่ เห็ดนางฟ้า แตงกวา ฟักเขียว พริกฝรั่ง หัวผักกาดขาว มะเขือเทศสีดา ผักกาดขาวใบเขียว พริกหยวก
ผักที่มีโพแทสเซียม น้อย ได้แก่ บวบเหลี่ยม ถัวพู หอมหัวใหญ่ ผักที่มีน้อยที่สุดคือเห็ดหูหนู
ผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง ควรงดได้แก่  ทุเรียนหมอนทอง และชะนี


  • รองลงมา ได้แก่ มะพร้าว กล้วย ลำไยพันธ์ต่างๆ 
  • มีปานกลาง ได้แก่ ฝรั่ง มะขาม กระท้อน ส้ม ลางสาด องุ่น มะม่วง มะละกอสุก ลิ้นจี่ ละมุด ขนุน ลูกพรุน ลูกเก็ด
ผักและผลไม้ที่พอรับประทานได้
แต่ ปริมาณไม่มากได้แก่ ถั่วพู ถั่วผักยาว มะเขือยาว 
หน่อไม้ตรง ผักคะน้า ถั่วลันเตา มะระ หัวผักกาดขาว มะม่วง มะละกอ องุ่น แตงโม แอปเปิ้ล ชมพู่
ผักที่รับประทานได้ กะหล่ำปลี แตงกวา บวบ ฟักเขียว ถั่วงอก
📢 ผู้ที่มีโพแทสเซียมในเลือดสูง(มากกว่า) ควรจะงดผลไม้ทุกชนิดต่อเมื่อแพทย์สั่งเท่านั้น
ด้วยความห่วงใจจากเราคะ

ไตเสื่อม ฟื้นฟูไต บำรุงได้

#umiบำรุงไต #เพิ่มภูมิต้านทาน #สุขภาพดี
ทางเลือกผู้ป่วยไต บำรุง ฟื้นฟูไต ปลอดภัย 
ไม่มีผลข้างเคียง คลิ๊กเลย http://www.hrtexo.com/umikidney

คลิ๊กที่ลิงค์เพื่อแอดไลน์อัตโนมัติรับข้อมูลสุขภาพดีๆได้เลยค่ะ line://ti/p/@gelhappylife

วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

9 อาการหลังฟอกไต ที่ควรรู้


9 อาการหลังฟอกไต ที่ควรรู้





9 อาการหลังฟอกไต
แม้จะได้รับการฟอกแล้ว เราก็ควรจะต้องดูแลร่างกายให้มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแทรกซ้อนต่างๆ
ที่อาจเกิดหลังจากที่ได้รับการฟอกอาการต่างๆที่ควรสังเกตุตัวเองมีอะไรบ้าง




1.บวมตามตัว เกิดจากมีน้ำส่วนเกินขังอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายโดยเฉพาะบริเวณเท้าจะเห็นได้ชัดกว่าตามตำแหน่งอื่นๆ
➤ลักษณะบวมที่เกิดจากน้ำ จะสังเกตได้ง่ายโดยการกดลงไปในบริเวณที่บวม จะเกิดเป็นรอยบุ๋ม ยกเว้นอาการบวมซึ่งเกิดจากการอักเสบติดเชื้อร่วมด้วย เมื่อผู้ป่วยเข้ารับการฟอกเลือด น้ำส่วนเกินจะถูกดึงทิ้งไปและอาการบวมก็จะยุบลงเอง




2.ระบบขับถ่ายไม่ปกติ มักมีการสะสมของเสียในกระแสโลหิตเมื่อของเสียไปสะสมที่บริเวณระบบทางเดินอาหารทำให้เกิดอาการผิดปกติของระบบผู้ป่วยอาจมีอาการคลื่นไส้, อาเจียน, เบื่ออาหาร, รวมทั้งมีอาการท้องผูก หรือ ท้องเสียร่วมด้วย


➤อาการท้องผูก
แก้ไขได้โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอหากมีอาการท้องผูกมากๆสามารถขอยาระบายจากแพทย์เจ้าของไข้ได้เป็นครั้งคราว

➤อาการท้องเสีย
เกิดจากการสะสมของเสียมาก ทำให้ระบบการทำงานของลำไส้ผิดปกติไป เมื่อผู้ป่วยได้รับการฟอกเลือดอย่างพอเพียง อาการท้องเสียจะหายไปเอง ยกเว้นอาการท้องเสียที่เกิดจากการติดเชื้อเพราะผู้ป่วยโรคไตวายสามารถติดเชื้อได้โดยง่าย



3.นอนไม่หลับ เมื่อมีภาวะของเสียในเลือดและในสมองเพิ่มมากขึ้นจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายตัว ส่งผลให้นอนไม่หลับจึงควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หรือขอยานอนหลับจากแพทย์เจ้าของไข้ได้ตามจำเป็น โดยพิจารณาว่า การนอนไม่หลับนั้น เกิดจากอาการเหนื่อยหอบ หรืออาการแทรกซ้อนอื่นใดด้วยหรือไม่




4.ปวดกระดูก, กระดูกพรุน, เปราะบาง ไตมีหน้าที่สำคัญ ในการควบคุมระบบฮอร์โมนพาราไธรอยด์, วิตามินดี,แคลเซียม, และฟอสฟอรัส ผู้ป่วยโรคไตวายจะมีระดับของแคลเซียมในเลือดต่ำมีระดับ ฟอสฟอรัสในเลือดสูง จึงมักทำให้มีอาการกระดูกผุกร่อน,เปราะบางได้ง่าย เนื่องจาก แคลเซียมและฟอสฟอรัสมีบทบาทสำคัญในการคงสภาพของกระดูกในร่างกายของเราแต่ละคนแต่ถ้าผู้ป่วยได้รับการฟอกเลือด และควบคุมเรื่องอาหารได้ดีอาการกระดูกผุกร่อนนี้ก็จะลดน้อยลงได้



5.คันตามตัว
➤มีปริมาณสารฟอสฟอรัส สะสมมากในร่างกายสารตัวนี้ จะไปรวมตัวกับแคลเซียม
และซึมอยู่ใต้ผิวหนัง

➤ผิวหนัง ของผู้ป่วย มีภาวะแห้งจนเกินไปผู้ป่วยควรใช้โลชั่นเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหลังอาบน้ำ
ทุกครั้ง




6.เป็นตะคริวบ่อย ๆ เกิดจากความไม่สมดุลของน้ำและเกลือแร่ภายในร่างกาย เมื่อได้รับการฟอกเลือดอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ อาการดังกล่าวจะหายไป




7.อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เกิดได้จากผู้ป่วยมีโลหิตจางเกินไป ซึ่งมักจะมีอาการร่วมกับเป็นลมได้ง่าย
เมื่อสามารถแก้ไขภาวะโลหิตจางได้แล้ว อาการเหล่านี้จะหายไปเอง ยกเว้นผู้ป่วยรายนั้น มีภาวะของโรคหัวใจผิดปกติร่วมอยู่ด้วยซึ่งต้องปรึกษาแพทย์ทางด้านหัวใจต่อไป



8.ชาตามแขนขา ไม่มีแรง เกิดจากมีการคั่งของสารโปแตสเซียมภายในร่างกายสูง
บางคนมีอาการมากจนถึงขั้นหัวใจหยุดทำงาน เมื่อเริ่มมีอาการชา ไม่มีแรงตามแขนขา ควรรีบติดต่อโรงพยาบาลทันที



9.น้ำท่วมปอด เกิดจากมีน้ำส่วนเกินคั่งอยู่ที่ปอด จะมีอาการเหนื่อยหอบโดยเฉพาะเมื่อนอนราบ และมักมีอาการไอร่วมด้วย ผู้ป่วยที่มีอาการมาก ๆ จะไอจนถึงขั้นมีเสมหะเป็นฟองสีชมพู และเหนื่อยหอบมาก จนถึงขั้นทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว จนเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ เมื่อเกิดอาการเช่นนี้ ให้รีบติดต่อโรงพยาบาลโดยเร็ว เพื่อจะได้ทำให้การฟอกเลือดได้ทันท่วงที



ด้วยความห่วงใจจากเราคะ

ไตเสื่อม ฟื้นฟูไต บำรุงได้

#umiบำรุงไต #เพิ่มภูมิต้านทาน #สุขภาพดี
ทางเลือกผู้ป่วยไต บำรุง ฟื้นฟูไต ปลอดภัย 
ไม่มีผลข้างเคียง คลิ๊กเลย http://www.hrtexo.com/umikidney

คลิ๊กที่ลิงค์เพื่อแอดไลน์อัตโนมัติรับข้อมูลสุขภาพดีๆได้เลยค่ะ line://ti/p/@gelhappylife